ใน 1 วัน ต้องกินลูทีน ซีแซนทีน จากอาหารเท่าไหร่? จึงเพียงพอกับดวงตา

ลูทีนและซีแซนทีน เป็นสารอาหารบำรุงดวงตา

สารทั้ง2 ชนิดนี้ อยู่ในจุดรับภาพที่จอประสาทตาและเลนส์ตา ช่วยกรองแสงสีน้ำเงิน ที่มีอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่ทำลายเซลล์ตาช่วยให้เซลล์แข็งแรง บำรุงระบบการไหลเวียนของผนังเส้นเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย ช่วยลด อาการอุดตันของเส้นเลือดบริเวณดวงตา เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็น ทั้งในที่มืดและกลางแจ้ง ช่วยชะลอความเสื่อมของตา ป้องกันโรคตาต่างๆ เช่น โรคต้อกระจก (cataracts) โรคจอประสาทตาเสื่อม

ลูทีนมักพบอยู่รวมกับซีแซนทีน พบได้ในแหล่งอาหารตามธรรมชาติ ในผักและผลไม้

*ความต้องการ ลูทีน ซีแซนทีน วันละ 10 มิลลิกรัม สูงสุด 20 มิลลิกรัม/วัน

*การคำนวณ คิดจากความต้องการ ลูทีน ซีแซนทีน วันละ 10 มิลลิกรัม เทียบกับปริมาณลูทีน ซีแซนทีน ที่มีในผัก ผลไม้ ในประเทศไทย

Reference : สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

ผลไม้ที่คนไทยนิยมบริโภค 3 อันดับแรกที่มีลูทีนและซีแซนทีนสูงสุด

ต้องกิน แตงไทย 15.11 กิโลกรัม (คิดจาก 100 กรัม มีลูทีนและซีแซนทีน 66.17 ไมโครกรัม)
ต้องกิน กล้วยน้ำว้า 38.40 กิโลกรัม (คิดจาก 100 กรัม มีลูทีนและซีแซนทีน 26.04 ไมโครกรัม)
ต้องกิน กล้วยหอม 43.38 กิโลกรัม (คิดจาก 100 กรัม มีลูทีนและซีแซนทีน 23.05 ไมโครกรัม)

ผักที่คนไทยนิยมบริโภค 3 อันดับแรก ที่มีลูทีนและซีแซนทีนสูง และมีออกซาเลตต่ำ (* ผักที่มีออกซาเลตสูง ไม่ควรบริโภคมากเนื่องจากลดการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย)

ต้องกิน ใบบัวบก 136.1 กรัม (คิดจาก 100 กรัม มีลูทีนและซีแซนทีน 7,348 ไมโครกรัม)
ต้องกิน ใบเหลียง 144.97 กรัม (คิดจาก 100 กรัม มีลูทีนและซีแซนทีน 6,898 ไมโครกรัม)
ต้องกิน คะน้า 216.22 กรัม (คิดจาก 100 กรัม มีลูทีนและซีแซนทีน 4,625 ไมโครกรัม)