วิตามินเค2 แคลเซียม และวิตามินดี3 บำรุงกระดูก เหมือนกัน แตกต่างกันตรงไหน ?
ตอบ : ทั้ง 3 สารอาหาร มีความจำเป็นต่อกระดูก โดยทำงานร่วมกัน ด้วยกลไกที่แตกต่างกัน
เมื่อเราทานแคลเซียมเข้าไปในร่างกาย วิตามินดี3 จะช่วยดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้นจะเป็นขั้นตอนนำแคลเซียมเข้าไปเก็บสะสมในกระดูก
โดยวิตามินดี3 ทำงานร่วมกับวิตามินเค2 เพื่อให้เกิดการสร้าง osteocalcin จับกับแคลเซียมในเลือดไปเก็บที่กระดูก
ดังนั้น เพื่อให้กระดูกแข็งแรง เพิ่มมวลกระดูก จะขาดสารอาหารทั้ง 3 ชนิดไม่ได้
ทานแคลเซียมอยู่แล้ว จำเป็นต้องทาน Vitamin K2 (วิตามินเค2) ด้วยไหม ?
ตอบ: อันดับแรก ต้องเข้าใจความสำคัญของวิตามินเค2 ว่ามีประโยชน์อย่างไร แต่ก่อนเรารู้จักกันแค่วิตามินเค ไม่มีแบ่งชนิด แต่เมื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น ก็มีการค้นพบว่าจริงๆแแล้ว วิตามินเคมี 2 ชนิด คือ วิตามินเค1 และวิตามินเค2 สำหรับ วิตามินเค2 มีประโยชน์มากมาย แต่ประโยชน์ที่โดดเด่นที่สุดและมีงานวิจัยต่างๆสนับสนุนมากขึ้นในปัจจุบัน คือ เรื่องกระดูก และหลอดเลือด เพราะเป็นวิตามินที่จะนำแคลเซียมไปเก็บที่กระดูก เรียกได้ว่า แคลเซียมไปอยู่ถูกที่ ไม่เกาะตามหลอดเลือดและเนื้อเยื่อต่างๆ
คีย์สำคัญ
- ป้องกันกระดูกพรุน เพิ่มมวลกระดูก เพิ่มความแข็งแรงกับกระดูก โดยทำงานร่วมกับแคลเซียม
- ป้องกันแคลเซียมหรือหินปูนเกาะหลอดเลือด จึงป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
กลับมาที่คำถามว่า ทานแคลเซียมอยู่แล้ว จำเป็นต้องทาน วิตามินเค2 ด้วยไหม ?
ตอบ : ควรเสริม เพราะ คนส่วนใหญ่ขาดวิตามินเค2 ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้
- ในอาหารทั่วไปมีน้อยมาก ยกเว้นนัทโตะ ที่มีปริมาณวิตามินเค2 มาก
- ร่างกายขาดจุลินทรีย์ตัวดี หรือ โพรไบโอติกส์ ที่จะเปลี่ยนวิตามินเค1 ไปเป็นวิตามินเค2
(* จุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้ ผลิตวิตามินเค2 ได้ปริมาณหนึ่ง) - ใช้ยาปฏิชีวนะบ่อย
- ทานผักใบเขียวน้อย (ผักใบเขียวให้วิตามินเค1 ซึ่งจุลินทรีย์ตัวดี หรือ โพรไบโอติกส์ในลำไส้ จะเปลี่ยนให้เป็นวิตามินเค2)
ไม่ว่าจะทานแคลเซียมชนิดใดอยู่ การเสริมวิตามินเค2 ก็ได้ประโยชน์มากกว่า การทานแคลเซียมอย่างเดียว
- กรณีทานแคลเซียมดูดซึมน้อย เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต ควรเสริมด้วยวิตามินเค2 เพื่อป้องกันแคลเซียมเกาะผนังหลอดเลือดซึ่งถือเป็นการลดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นของแคลเซียมชนิดนี้
- กรณีทานแคลเซียมดูดซึมดีในตัวเอง ไม่ตกค้างในกระแสเลือด คือ Calcium L-threonate (แคลเซียมแอลทรีโอเนต) ควรเสริมด้วยวิตามินเค2 เพื่อนำแคลเซียมเข้าสู่กระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง 2 เท่า จากการทานอาหารที่มีแคลเซียม และจากแคลเซียมแอลทรีโอเนต (แคลเซียมที่เสริม) ทั้งนี้ยังป้องกันแคลเซียมเกาะผนังหลอดเลือดด้วยเช่นกัน เพราะแคลเซียมที่เสริมดูดซึมหมด เข้ากระดูกได้ดี และแคลเซียมจากอาหารก็เข้ากระดูกได้ดีเพราะมีวิตามินเค2
ทานแค่ Vitamin K2 (วิตามินเค2) เพื่อบำรุงกระดูก ได้ไหม?
ตอบ : วิตามินเค2 นำแคลเซียมไปเก็บสะสมที่กระดูก ให้แคลเซียมอยู่ถูกที่ ไม่เกาะตามหลอดเลือดและเนื้อเยื่อต่างๆ
นั่นคือ
- ป้องกันกระดูกพรุน เพิ่มมวลกระดูก เพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูก โดยทำงานร่วมกับแคลเซียม
- ป้องกันแคลเซียมหรือหินปูนเกาะหลอดเลือด จึงป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
จะเห็นว่าทั้งแคลเซียมและวิตามินเค2 ทำงานร่วมกัน แต่คนส่วนใหญ่ขาดทั้งแคลเซียม และวิตามินเค2 (อ่านบทความวิชาการเพิ่มเติมได้)
ใครบ้าง ควรเสริมวิตามินเค2 (Vitamin K2)?
https://www.enelthailand.com/2024/03/01/who-should-supplement-with-vitamin-k2/
เจาะลึกทานแคลเซียมอย่างไร ให้เพียงพอ
https://www.enelthailand.com/2023/08/22/calcium-intake/
วิตามินเค2 (Vitamin K2) ในอาหารมีเท่าไหร่ ? เพียงพอต่อกระดูก และหลอดเลือดหรือไม่?
https://www.enelthailand.com/2024/03/05/how-much-vitamin-k2-in-food/
ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรทานทั้งแคลเซียมและวิตามินเค2
เคล็ดลับ ! อย่าลืมเลือกแคลเซียมที่มีการดูดซึมดีด้วยนะ เช่น Calcium L-threonate (แคลเซียมแอลทรีโอเนต) ไม่ตกค้าง ไม่เกาะหลอดเลือด
เสริมแคลเซียม ทำให้เกิดแคลเซียมหรือหินปูนเกาะหลอดเลือดหรือไม่ ?
ตอบ : อาจจะใช่ และไม่ใช่ เพราะ แคลเซียมมีหลายชนิด ต้องดูว่าเป็นแคลเซียมชนิดใด
1. แคลเซียมทั่วไป ที่ดูดซึมน้อย
เช่น calcium carbonate , calcium citrate, และ calcium gluconate มีการศึกษาวิจัย ว่าอาจเป็นสาเหตุของการเกิดแคลเซียมหรือหินปูนเกาะหลอดเลือด แต่ทางการแพทย์ยังไม่ได้สรุปชัดเจน
2. แคลเซียมที่ดูดซึมได้ดี ไม่ใช่สาเหตุของหินปูนหรือแคลเซียมเกาะหลอดเลือด
Calcium L-threonate (แคลเซียมแอลทรีโอเนต) ละลายน้ำดี ดูดซึมง่าย และการศึกษาวิจัยทางคลินิก (clinical trial) คือการศึกษาวิจัยในมนุษย์ พบว่าดูดซึมได้ดี ไม่ตกค้างในหลอดเลือด
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง